สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ หรือ อย่างที่สามัญเรียกกันว่า สมเด็จและเจ้านวสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ สมภพวันเสาร์ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีวอก จุลศักราช ๑๑๕๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. ตรงวกับวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๓๓๑ ในรัชกาลที่ ๑ ท่านได้เป็นนายสุจินดา เป็นหลวงศักดินายเวรมหาดเล็ก และเป็นจมื่นไวยวรนารถ มหาดเล็กตามลำดับ
ในรัชกาลที่ ๒ ได้เลื่อนยศบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น พระสุริยวงศ์มนตรี จางวางมหาดเล็ก เมื่อเจ้าพระยาโกษาสังข์ เลื่อนไปเป็นที่สมุหพระกลาโหมแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งพระยาสุริยวงศ์มนตรีดิศเป็นพระยาพระคลัง เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๒ สมเด็จพระยาองค์ใหญ่เป็นบุคคลสำคัญองค์หนึ่งที่สนับสนุนให้พระบาทสมเด็จพระนั่งกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อเจ้าพระยามหาเสนา ( น้อย ) ถึงแก่อสัญกรรม จะโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนเจ้าพระยาพระคลัง ดิศ ขึ้นเป็นเจ้าพระยามหาเสนา แต่ท่านไม่ยอมรับโดยอ้างเหตุผลว่าเป็นเจ้าพระยามหาเสนามักอายุสั้น จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ว่าทั้งกลาโหม และกรมท่าเรียกว่า " เจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกลาโหม " ได้ถือตรา ๒ ดวง คือ ตราคชสีห์ และตราบัวแก้ว
การสร้างค่ายเนินวงและวัดโยธานิมิตร ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ไทยเกิดพิพาทกับญวน สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเกรงว่าญวนจะมายึดเมืองจันทบุรี เป็นที่มั่นเพื่อทำการต่อสู้กับไทย จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง เป็นแม่กองออกมาสร้างป้อมค่ายและเมืองขึ้นใหม่ ให้มีชัยภูมิดีเหมาะแก่การต่อสู้ข้าศึก
ศุภมัสดุ พระพุทธศักณาชล่วงแล้วได้ ๒๓๗๗ พระวรรษาเศษสังขยา ๖ เดือน กับ ๒๕ วัน ปัจจุบันปีมะเมีย ฉอศก เหมันตฤดู วันเสาร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือนยี่ เจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่สมุห พระกลาโหม ยกกองทัพออกมาจัดแจงเกี่ยวกับรักษาเมืองจันทบุรี จึงเที่ยวดูชัยภูมิให้สมควร ที่จะตั้งป้อมและปราการเมือง เห็นที่ "เนินวง" เป็นชัยภูมิที่เหมาะสม ควรจะสร้างเป็นเมือง จึงได้วัดที่ถากถางเข้าเป็นเมือง ให้ขุดคูพูนเชิงเทิน ก่อเสนาบนหลังเชิงเทิน ทั้งหมดล้วน แล้วไปด้วยและตั้งปืนใหญ่รายรอบตามช่องกำแพงเมือง สร้างอยู่ปีหนึ่ง จึงเสร็จ ได้ฝัง อาถรรพณ์หลักเมือง ณ วันเสาร์ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะแม
เจ้าพระยาคลังว่าที่สมุหพระกลาโหม มีกุศลจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพระพุทธศาสนาจึงได้ชักชวนนายทัพนายกองผู้ใหญ่น้อย เจ้าเมืองกรมการสร้างพระอารามไว้บนเมือง กรมการสร้างอยู่ ๔เดือนจึงสำเร็จถวายนามวัดว่า " วัดโยธานิมิตร "
ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง ดิศ ว่าที่สมุหพระกลาโหม ขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์แต่ก่อนจะทรงตั้งเจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่สมุหพระกลาโหม เป็นสมเด็จเจ้าพระยานั้น โปรดให้เรียกว่า " เจ้าพระยาอัครมหาอุดมบรมวงศ์เสนาบดีไปพลางก่อน จนได้ฤกษ์ในปีกุน พ.ศ. ๒๓๙๔ พระราชทานสุพรรณบัฏจารึกราชทินนามว่า " สมเด็จเจ้าพระยา บรมมหาประยูรวงศ์ วรุตมพงศานายก สยามดิลกโลกานุปาลนนาถ สกลราชวราณาจักราธิเมนทร์ ปรเมนทรมหาราชานุกูล สรรพกิจมูลมเหสวรเชษฐามาตยาธิบดี ศรีสรณรัตนธาดาดอุลยเดชานุภาพบพิตร " ถือศักดินาสามหมื่น พระราชทานกลดเสลี่ยงงา พระแสงประดับพลอยลงยาราชาวดี เป็นเครื่องสำหรับยศอย่างพระองค์เจ้าต่างกรม ให้สำเร็จราชการตลอดทั่วพระราชอาณาจักร ใช้ตราสุริยมณฑลเทพบุตรชักรถสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ดิศ เป็นบุคคลสำคัญมากในรัชกาลที่ ๓ และ ๔ ท่านถึงแก่พิราลัยในเดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ อายุได้ ๖๗ ปี ๓ วัน พระราชทานเพลิงศพท่านที่หน้าวัดประยูรวงศาวาส ในศกนั้น